หลักฐานธรรมกาย
ใน ลังกาวตารสูตร
ธรรมทรรศน์ รวบรวม
ลังกาวตารสูตร (สันสกฤต: लंकावतारसूत्र Laṅkāvatāra Sūtra) เป็นคัมภีร์หลักและสำคัญของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่หนึ่งในเก้าคัมภีร์ซึ่งเป็นคัมภีร์สำคัญ
พระสูตรนี้ไม่ปรากฏในพระไตรปิฎกภาษาบาลีของเถรวาท แต่งขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏ
แต่ได้แปลเป็นภาษาจีนครั้งแรกราว ค.ศ. 443 เนื้อหา โดยท่านคุณภัทรแห่งอินเดียกลาง, เป็นครั้งที่สองเมื่อ ค.ศ. 513 โดยท่านโพธรุจิ แห่งอินเดียเหนือ และครั้งที่สามเมื่อ ค.ศ.700 โดยท่านศึกษานันทะ แห่งอินเดีย(โขตาน)เหมือนกัน ลังกาวตารสูตรพิมพ์ขึ้นเป็นภาษาสันสกฤต
เมื่อ ค.ศ. 1922 โดยท่าน Bunyin
Nangio, M.A.(oxon). D. Litt. Kyoto.
พระสูตรนี้นับว่ามีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการของศาสนาพุทธในประเทศจีน
ทิเบต และญี่ปุ่น มีอิทธิพลทางความคิดต่อสำนักโยคาจาร ฉาน และเซน ลังกาวตารสูตร
เนื้อหาเป็นบทสนทนาระหว่างพระศากยมุนีพุทธเจ้ากับพระมหามติโพธิสัตว์ที่เกาะลงกาใช้แนวคิดและคำสอนแบบโยคาจารและเน้นเรื่องตถาคตครรภ์
หลักการสำคัญของพระสูตรนี้อยู่ที่แนวคิดเรื่องวิญญาณ
ว่าเป็นสิ่งเป็นจริงแท้เพียงอย่างเดียว สิ่งทั้งหมดในโลก นามต่าง ๆ
และประสบการณ์ต่าง ๆ เป็นแต่เพียงภาพปรากฏของจิตเท่านั้น
มีการอธิบายวิญญาณในแต่ละบุคคลออกเป็นชั้น ๆ ประเภท ๆ
โดยมีอาลยวิชญานเป็นพื้นฐานของวิญญาณทุกประเภท รวมทั้งสิ่งต่าง ๆ ในเอกภพด้วย
Lankavatāra Sutta (Sanskrit: लंकावतारसूत्र Laṅkāvatāra Sūtra) is the main and important book of Mahayana Buddhism. One of the oldest scriptures, which is the Nine Scriptures. Importantly, this sutra does not appear in the Pali Tripitaka. Please request the Pali Tipitaka. Theravada composed it when Which does not appear, but was first translated into Chinese around the year AD. 第443章 不服输的人 the second time in the year AD. 第513章3 in the year 700 by He studied Nanda of India (Khotan) Heha和尚AD。 1922 年,Bunyin Nangio,文学硕士(oxon)。 D.利特。 京都。
中文名称: Buddhism in China, Tibet, and Japan has a strong Japanese influence. Thoughts on the school of Yogacara and Zen Lankavatara beef formula It is found to be a conversation between Shakyamuni Buddha and Maha Mati Bodhisattva, who uses the concepts and teachings of Yogacara and emphasizes it. The story of the Tathagata is the main principle of this sutra. that the concept of the soul as something real alone, all things in the world, various names and Various experiences are But only the appearance of the mind has an explanation of viññā. Each person is divided into different levels according to their characteristics. Jhāna is the basis of all types of consciousness including other things. in the universe as well
Lankavatara Sutra -Dunhuang Cave
ที่มา https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/e/e5/Lankavatara.jpg
māyāsvapnasvabhāvasya dharmakāyasya kaḥ stavaḥ |
bhāvānāṃ niḥsvabhāvānāṃ yo ’nutpādaḥ sa saṃbhavaḥ || 2.4 ||
bhāvānāṃ niḥsvabhāvānāṃ yo ’nutpādaḥ sa saṃbhavaḥ || 2.4 ||
มายาสฺวปฺนสฺวภาวสฺย ธรฺมกายสฺย
กะ สฺตวะ ฯ
ภาวานํา นิะสฺวภาวานํา
โย ’นุตฺปาทะ ส สํภวะ ๚ ๒.๔ ๚
In the Dharmakaya, whose self-nature is like a
vision or a dream, what is there to praise? When no thought arises as to
existence or as to not-having-self-nature, then there is praise.
ในพระธรรมกายซึ่งมีตัวตนเป็นดั่งนิมิตหรือความฝัน จะสรรเสริญอะไรเล่า? เมื่อไม่มีความคิดใดเกิดขึ้นในเรื่องความมีอยู่หรือความไม่มีตัวตน เมื่อนั้นย่อมมีการสรรเสริญ
法身自性如幻如梦,有何可赞叹呢? 当没有存在或无自性的念头生起时,就会有赞叹。
๒.
laṅkāpurigirimalaye
nivāsino bodhisattvān ārabhyodadhitaraṃgāla yavijñānagocaraṃ dharmakāyaṃ tathāgatānugītaṃ prabhāṣasva ||
ลงฺกาปุริคิริมลเย นิวาสิโน โพธิสตฺตฺวานฺ อารภฺโยทธิตรํคาลยวิชฺญานโคจรํ ธรฺมกายํ ตถาคตานุคีตํ ปฺรภาษสฺว ๚
顯示一切説成眞實相。一切佛語心。爲楞伽國摩羅耶山海中住處諸大菩薩。説 如來所歎海浪藏識境界法身。
Pray teach this assembly
headed by the Bodhisattvas gathering on Mount Malaya in the city of Laṅkā;
teach them regarding the Dharmakaya
which is praised by the Tathāgatas and which is the realm of (44) the
Ālayavijñāna which resembles the ocean with its waves.
สวดภาวนาเพื่อสอนการชุมนุมนี้ซึ่งมีพระโพธิสัตว์เป็นประธานชุมนุมกันบนภูเขามลายาในเมืองลังกา ทรงแสดงธรรมกายอันเป็นที่สรรเสริญของตถาคตและเป็นอาณาจักรแห่งอาลัยวิชญาณ (๔๔) อันมีลักษณะเป็นมหาสมุทรและมีคลื่น
๓.
yena
parikalpitasvabhāvagatiprabhedena suprativibhāgaviddhena
pudgaladharmanairātmyapracāraṃ prativiśodhya bhūmiṣu kṛtavidyāḥ
sarvaśrāvakapratyekabuddhatīrthakaradhyānasamādhisamāpattisukham atikramya
tathāgatācintyaviṣayapracāragatipracāraṃ pañcadharmasvabhāvagativinivṛttaṃ
tathāgataṃ dharmakāyaṃ
prajñājñānasunibaddhadharmaṃ māyāviṣayābhinivṛttaṃ sarvabuddhakṣetratuṣitabhavanākaniṣṭhālayopagaṃ
tathāgatakāyaṃ pratilabheran ||
เยน ปริกลฺปิตสฺวภาวคติปฺรเภเทน สุปฺรติวิภาควิทฺเธน ปุทฺคลธรฺมนอิราตฺมฺยปฺรจารํ ปฺรติวิโศธฺย ภูมิษุ กฤตวิทฺยาะ สรฺวศฺราวกปฺรตฺเยกพุทฺธตีรฺถกรธฺยานสมาธิสมาปตฺติสุขมฺ อติกฺรมฺย ตถาคตาจินฺตฺยวิษยปฺรจารคติปฺรจารํ ปญฺจธรฺมสฺวภาวคติวินิวฤตฺตํ ตถาคตํ ธรฺมกายํ ปฺรชฺญาชฺญานสุนิพทฺธธรฺมํ มายาวิษยาภินิวฤตฺตํ สรฺวพุทฺธเกฺษตฺรตุษิตภวนากนิษฺฐาลโยปคํ ตถาคตกายํ ปฺรติลเภรนฺ ๚
以分別説妄想自性故則能善知。周遍觀察人法無我。淨除妄想照明諸地。超越一切聲聞縁覺及諸外道諸禪定樂觀察如來不可思議所行境界。畢定捨離五法自性。諸佛如來法身智慧。善自莊嚴。超幻境界。昇一切佛刹兜率天宮乃至色究竟天宮。逮得如來常住法身。
Thus the Bodhisattvas
will be instructed in the analysis and thorough examination of false
imagination, and thereby they will have the passage purified which leads to the
egolessness of things and persons, and get an illumination on the stages of
Bodhisattvahood; and, further, going beyond the bliss of the tranquillisations1 belonging
to all the Śrāvakas, Pratyekabuddhas, and philosophers, will attain the Dharmakaya of the Tathāgata, which
belongs to the realm and course of Tathāgatahood transcending thought and in
which there is no rising of the five Dharmas. That is to say, they will attain
the Tathāgata-body which is the Dharma intimately bound up with the
understanding born of transcendental knowledge, and which, entering into the
realm of Māyā, reaches all the Buddha-lands, the heavenly mansions of Tuṣita, and the abode of the Akaniṣṭha.
ดังนั้นพระโพธิสัตว์จะได้รับการสอนให้วิเคราะห์และตรวจสอบจินตนาการผิด ๆ อย่างละเอียด และด้วยเหตุนี้พระโพธิสัตว์จึงจะมีข้อความที่บริสุทธิ์ซึ่งนำไปสู่ความไม่มีตัวตนในสรรพสิ่งและบุคคล และจะได้รับแสงสว่างบนเวทีแห่งโพธิสัตว์ ยิ่งกว่านั้น พ้นจากความสุขอันสงบสุข ๑ ของพระศาสดา พระปัจเจกพุทธเจ้า และนักปราชญ์ทั้งหลาย จะได้บรรลุพระธรรมกายแห่งตถาคตซึ่งเป็นขอบเขตและวิถีแห่งตถาคตซึ่งพ้นจากความคิดอันไม่มีความเจริญขึ้นแห่งนิพพาน ธรรมห้าประการ กล่าวคือ พวกเขาจะบรรลุถึงกายตถาคตซึ่งเป็นธรรมะที่ผูกพันอย่างใกล้ชิดด้วยความเข้าใจอันเกิดจากความรู้ทิพย์ และเมื่อเข้าสู่แดนมายาก็ไปถึงแดนพุทธภูมิทั้งปวง คฤหาสน์สวรรค์แห่งตุสิต และที่ประทับของอัคนิษฐะ
๔.
buddhasutabhūmim
atikramya pratyātmāryadharmagatigamanatvāt tathāgato dharmakāyavaśavartī bhaviṣyati
dharmanairātmyadarśanāt |
พุทฺธสุตภูมิมฺ อติกฺรมฺย ปฺรตฺยาตฺมารฺยธรฺมคติคมนตฺวาตฺ ตถาคโต ธรฺมกายวศวรฺตี ภวิษฺยติ ธรฺมนอิราตฺมฺยทรฺศนาตฺ ฯ
he will go beyond the last stage of Bodhisattvahood, attain the noble
truth of self-realisation, and become a Tathāgata endowed with the perfect
freedom of the Dharmakaya, because of his insight into the egolessness of things.
เขาจะไปไกลกว่าขั้นตอนสุดท้ายของพุทธภูมิ บรรลุความจริงอันสูงส่งของการตระหนักรู้ในตนเองและกลายเป็นพระตถาคตกอปรด้วยเสรีภาพที่สมบูรณ์แบบของธรรมกาย เพราะเขาเข้าใจถึงความเป็นตัวตนของสิ่งต่าง ๆ
๕.
punar api
lokottarānāsravadhātuparyāpannān saṃbhārān paripūrya acintyadharmakāyavaśavartitāṃ
pratilapsyante ||
ปุนรฺ อปิ โลโกตฺตรานาสฺรวธาตุปรฺยาปนฺนานฺ สํภารานฺ ปริปูรฺย อจินฺตฺยธรฺมกายวศวรฺติตํา ปฺรติลปฺสฺยนฺเต ๚
Now being
taken into a super-world which is the realm of no-evil-outflows, they will
gather up all the material for the attainment of the Dharmakaya
which is of severeign power and beyond conception. So it is said:
ตอนนี้ บริบูรณ์แห่งการสั่งสมอันนับเนื่องด้วยโลกุตระสรรพธาตุ
พวกเขาจะรวบรวมเนื้อหาทั้งหมดเพื่อการบรรลุธรรมกายอันเป็นอจินไตย
ดังนั้นจะกล่าวว่า:
๖.
tatra katamā kāyasamatā?
yaduta ahaṃ ca te ca tathāgatā arhantaḥ samyaksaṃbuddhā dharmakāyena ca
rūpalakṣaṇānuvyañjanakāyena ca samā nirviśiṣṭā anyatra vaineyavaśamupādāya | tatra
tatra sattvagativiśeṣeṇa tathāgatā rūpavaicitryamādarśayanti /
ตตฺร กตมา กายสมตา? ยทุต อหํ จ เต จ ตถาคตา อรฺหนฺตะ สมฺยกฺสํพุทฺธา ธรฺมกาเยน จ รูปลกฺษณานุวฺยญฺชนกาเยน จ สมา นิรฺวิศิษฺฏา อนฺยตฺร วอิเนยวศมุปาทาย ฯ ตตฺร ตตฺร สตฺตฺวคติวิเศเษณ ตถาคตา รูปไวจิตฺรฺยมาทรฺศยนฺติ ฯ
Now, Mahamati,
what is the sameness of the body? It is that 1 and other Tathagatas, Arhats,
Pully-Enlightened Ones are the same as regards our Dharmakaya
and the [thirty-two] signs and the [eighty] minor excellencies of bodily
perfection—no distinction existing among us, except that the Tathagatas
manifest varieties of forms according to the different dispositions of beings,
who are to be disciplined by varieties of means.
ตอนนี้ มหามตี ความเหมือนกันของร่างกายคืออะไร?
เรา และ พระตถาคตทั้งหลาย เหล่านั้น ผู้เป็นพระอรหันต์ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ เป็นเช่นเดียวกับด้วยธรรมกายของเราและด้วยรูปลักษณ์
(๓๒)และอนุพยัญชนะ(๘๐ ประการ) [สามสิบสองประการ] และ [แปดสิบ] ยอดเยี่ยมด้วยของความสมบูรณ์แบบทางร่างกาย
– ไม่มีความแตกต่างที่มีอยู่ในหมู่พวกเรายกเว้นว่า พระตถาคตรูปแบบที่หลากหลายของรูปแบบตามการแสดงออกที่แตกต่างกันของสิ่งมีชีวิตที่จะต้องมีระเบียบวินัยด้วยความหลากหลายของวิธีการ
๗.
bhagavāṃstasyaitadavocat - na hi mahāmate
abhāvastathāgato na ca sarvadharmāṇāmanirodhānutpādagrahaṇam / na pratyayo
'pekṣitavyo na ca nirarthakamanutpādagrahaṇaṃ kriyate mayā / kiṃ tu mahāmate manomayadharmakāyasya tathāgatasyaitad adhivacanaṃ yatra
sarvatīrthakaraśrāvakapratyekabuddhasaptabhūmipratiṣṭhitānāṃ ca
bodhisattvānāmaviṣayaḥ | so 'nutpādastathāgatasya / etanmahāmate paryāyavacanam
/
ภควําสฺตสฺยอิตทโวจตฺ - น หิ มหามเต อภาวสฺตถาคโต น จ สรฺวธรฺมาณามนิโรธานุตฺปาทคฺรหณมฺ / น ปฺรตฺยโย 'เปกฺษิตวฺโย น จ นิรรฺถกมนุตฺปาทคฺรหณํ กฺริยเต มยา / กิํ ตุ มหามเต มโนมยธรฺมกายสฺย ตถาคตสฺยอิตทฺ อธิวจนํ ยตฺร สรฺวตีรฺถกรศฺราวกปฺรตฺเยกพุทฺธสปฺตภูมิปฺรติษฺฐิตานํา จ โพธิสตฺตฺวานามวิษยะ ฯ โส 'นุตฺปาทสฺตถาคตสฺย / เอตนฺมหามเต ปรฺยายวจนมฺ /
The Blessed One
said this to him: Mahamati, the Tathagata is not a non-entity; nor is he to be
conceived as all things are, as neither born nor disappearing; nor is he to
look around for causation [in order to appear before others] ; nor is he
without signification; I refer to him as unborn. (192) Nevertheless, Mahamati,
there is another name for the Tathagata when his Dharmakaya
assumes a will-body. This is
what goes beyond the comprehension of the philosophers, Sravakas, Pratyekubuddhas,
and those Bodhisattvas still abiding in the seventh stage. The unborn,
Mahamati, is synonymous with the Tathagata.
ผู้ที่ได้รับพรกล่าวสิ่งนี้แก่เขา: มหามาตี ตถาคตไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีภาวะ
และเขาจะไม่รู้สึกเช่นเดียวกับธรรมทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดหรือดับหายไป; และเขาไม่ต้องมองไปรอบ ๆ
เพื่อหาสาเหตุ [เพื่อปรากฏต่อหน้าคนอื่น];
และเขาก็ไม่มีความหมาย; ฉันพูดถึงเขาว่ายังไม่เกิด
(192) อย่างไรก็ตาม มหามติ ธรรมกายอันสำเร็จแต่ใจของเขา มีชื่อเรียกว่า
ตถาคต นี่คือสิ่งที่นอกเหนือไปจากความเข้าใจของนักปรัชญา
พระสาวก, พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระโพธิสัตว์เหล่านั้นยังคงอยู่ในขั้นตอนที่เจ็ด
มหามติ ที่ยังไม่เกิดของทารกมีความหมายเหมือนกันกับตถาคต
๘.
na ca mahāmate pṛthivī
dahyate tejodhātupratibaddhatvādanyatra bālapṛthagjanā vitathatāpatitayā
saṃtatyā dahyamānāṃ kalpayanti, na ca dahyate tadagnihetubhūtatvāt / evam eva
mahāmate tathāgatānāṃ dharmakāyo gaṅgānadīvālukāsamo
’vināśī |
น จ มหามเต ปฤถิวี ทหฺยเต เตโชธาตุปฺรติพทฺธตฺวาทนฺยตฺร พาลปฤถคฺชนา วิตถตาปติตยา สํตตฺยา ทหฺยมานํา กลฺปยนฺติ, น จ ทหฺยเต ตทคฺนิเหตุภูตตฺวาตฺ / เอวมฺ เอว มหามเต ตถาคตานํา ธรฺมกาโย คงฺคานทีวาลุกาสโม ’วินาศี ฯ
(232) and
it is only the ignorant and simple-minded that on account of their falling into
false ideas imagine the earth being consumed by fire. But as it supplies the
material cause to the element fire, it is never consumed. In the same way,
Mahamati, the Dharmakaya of the Tathagatas, like
the sands of the river Ganga, is never destroyed.
และมันก็เป็นเพียงความเขลาและจิตใจที่เรียบง่ายเพราะเหตุที่พวกเขาตกสู่ความคิดที่ผิดลองนึกภาพว่าโลกถูกไฟเผาผลาญ
แต่เนื่องจากวัสดุเป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้ธาตุจึงไม่เคยถูกใช้งาน
ในทำนองเดียวกัน มหามติ, ธรรมกายของพระตถาคต เหมือนผืนทรายแห่งแม่น้ำคงคาที่ไม่เคยถูกทำลาย
๙.
dharmakāyā hi mahāmate tathāgatā
dharmāhārasthitayo nāmiṣakāyā na sarvāmiṣāhārasthitayo
vāntasarvabhavopakaraṇatṛṣṇaiṣaṇāvāsanāḥ sarvakleśadoṣavāsanāpagatāḥ
suvimuktacittaprajñāḥ sarvajñāḥ sarvadarśinaḥ sarvasattvaikaputrakasamadarśino
mahākāruṇikāḥ |
ธรฺมกายา หิ มหามเต ตถาคตา ธรฺมาหารสฺถิตโย นามิษกายา น สรฺวามิษาหารสฺถิตโย วานฺตสรฺวภโวปกรณตฤษฺณอิษณาวาสนาะ สรฺวเกฺลศโทษวาสนาปคตาะ สุวิมุกฺตจิตฺตปฺรชฺญาะ สรฺวชฺญาะ สรฺวทรฺศินะ สรฺวสตฺตฺวอิกปุตฺรกสมทรฺศิโน มหาการุณิกาะ ฯ
Mahamati, the
food for my Sravakas, Pratyekabuddhas, and Bodhisattvas is the Dharma and not
fleshMood; how much more the Tathagata! The Tathagata is the Dharmakaya, Mahamati; he abides in the Dharma as food;
his is not a body feeding on flesh; lie does not abide in any flesh-food.
ดูก่อนมหามติ อาหารสำหรับสาวกของฉัน สำหรับปัจเจกพุทธเจ้า และสำหรับพระโพธิสัตว์ เป็นธรรมะและไม่ใช่เนื้อ อะไรที่มากมายกว่าตถาคต! ตถาคต คือ ธรรมกาย, มหามติ; เขายึดถือธรรมะเป็นอาหาร
เขาไม่ใช่ร่างกายที่กินเนื้อ การโกหกไม่ได้อยู่ในอาหารจำพวกเนื้อ
ที่มา
The Lankavatara Sutra A Mahayana Text
http://www.buddhistische-gesellschaft-berlin.de/downloads/lankavatarasutrasuzuki.pdf
0 ความคิดเห็น: